วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Apple iPhone 3G S ( แอปเปิ้ล iPhone 3G S )


iPhone 3GS Announced! June 19th Release! WWDC 2009



 Apple iPhone 3G S ( แอปเปิ้ล iPhone 3G S )


จอแสดง ผลแบบ TFT Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 320x480 Pixels (HVGA : กว้าง 3.5 นิ้ว : จำนวนจุดพิกเซล 163 จุดต่อนิ้ว)

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Mac OS X เวอร์ชัน 10.4.11 ซึ่งมาพร้อมการติดตั้ง Firmware iPhone OS เวอร์ชัน 3.0 ในตัว

เชื่อมต่อ Safari Web Browser ผ่านระบบ WiFi, HSDPA, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน Bluetooth

ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมโปรแกรมเข็มทิศดิจิตอล (Digital Compass)

กล้อง ดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 3 ล้าน Pixels (2048x1536 Pixels), ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ, ระบบ Touch Focus, ถ่ายภาพวิดีโอ (VGA : 30 fps)

  • ระบบสัญญาณ Dual Mode (WCDMA/GSM)
    - WCDMA/HSDPA Tri Band (850/1900/2100 MHz)
    - GSM Quad Band (850/900/1800/1900 MHz)
  • ขนาด 115.5x62.1x12.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 135 กรัม
  • ชนิดจอแสดงผลแบบ TFT Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 320x480 Pixels (HVGA : กว้าง 3.5 นิ้ว : จำนวนจุดพิกเซล 163 จุดต่อนิ้ว)
    - ระบบสัมผัสแบบหลายจุด (Multi-Touch)
    - ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
    - ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
    - ฟังก์ชัน Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
    - หน้าจอสามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ (Scratch-Resistant Display)
    - พิมพ์ข้อความด้วยการสัมผัสที่คีย์บอร์ดเสมือนบนหน้าจอแสดงผล (Virtual QWERTY Keyboard)
  • ชนิดแบตเตอรี่ Li-Ion
  • ระยะเวลารอรับสายสูงสุด ประมาณ 300 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาสนทนาสูงสุด ประมาณ 12 ชั่วโมง (GSM) หรือ 5 ชั่วโมง (WCDMA)
  • ระยะเวลาการฟังเพลงต่อเนื่องสูงสุด ประมาณ 30 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาการเปิดดูวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด ประมาณ 10 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาการเล่นอินเทอร์เน็ตต่อเนื่องสูงสุด ประมาณ 9 ชั่วโมง (WiFi) หรือ 5 ชั่วโมง (WCDMA)
  • ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iPhone OS เวอร์ชัน 3.0
    - ประมวลผลเร็วกว่า iPhone 3G มากกว่า 2 เท่า
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 256 MB
  • หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB หรือ 32 GB
  • หน่วยความจำสมุดโทรศัพท์ (ไม่จำกัดจำนวน)
  • บันทึกข้อมูลการโทรอย่างละ 100 รายการ (โทรออก, รับสาย, ไม่รับสาย)

  • SMS (Short Messaging Service)
  • MMS (Multimedia Messaging Service)
  • Email
    - รองรับการใช้งานไฟล์แนบ (Attachment)
  • รองรับการจัดการกับข้อความด้วยการ Cut, Copy และ Paste

  • HTML Browser (Safari Web Browser)
  • WiFi (WLAN : Wireless LAN : 802.11 b/g)
  • HSDPA (7.2 Mbps)
  • EDGE
  • GPRS
  • Bluetooth เวอร์ชัน 2.1
    - รองรับเทคโนโลยี EDR (Enhanced Data Rate)
  • USB Data Cable (USB เวอร์ชัน 2.0)
  • แชร์อินเทอร์เน็ตผ่านทาง Bluetooth หรือสาย USB
  • ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
    - ฟังก์ชัน A-GPS ในตัว (Assisted Global Positioning System)
    - ค้นหาข้อมูลแผนที่ผ่านโปรแกรม Google Maps
    - โปรแกรมเข็มทิศดิจิตอล (Digital Compass)
  • รองรับการเชื่อมต่อแสดงผลผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ (TV Out)
  • ช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
  • โปรแกรมตรวจสอบราคาหุ้นแบบออนไลน์ (Stocks)
  • โปรแกรมตรวจสอบสภาพอากาศแบบออนไลน์ (Weather)
  • ค้นหาและเปิดดูคลิปวิดีโอของ YouTube

  • เสียงเรียกเข้าแบบ Polyphonic Ringtones
    - รองรับไฟล์เสียงเรียกเข้าแบบ MP3
    - แสดงรูปภาพขณะมีสายเรียกเข้า (Photo Caller ID)
    - ระบบสั่นในตัว
  • นาฬิกาบอกเวลา
  • ตั้งปลุก
  • ปฏิทินพร้อมบันทึกนัดหมาย
  • โปรแกรมเล่นไฟล์เพลง
    - รองรับการเล่นไฟล์เพลงแบบ AAC, Protected AAC, MP3, MP3 VBR, Audible (formats 2, 3, and 4), Apple Lossless, AIFF และ WAV
    - รองรับคลื่นความถี่เสียงตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20,000 Hz
  • โปรแกรมเล่นไฟล์วิดีโอ
    - รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอแบบ H.264, M4V, MP4, MOV
  • สั่งงานด้วยเสียง (Voice Control)
  • โทรออกด้วยเสียง
  • บันทึกเสียง
  • Handsfree และ Speakerphone ในตัว


  • กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 3 ล้าน Pixels
    - ความละเอียดสูงสุดของภาพถ่าย 2048x1536 Pixels
    - ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Auto Focus)
    - ระบบเลือกจุดโฟกัสภาพด้วยการสัมผัส (Touch Focus)
    - โหมดถ่ายภาพระยะใกล้ (Macro Mode : 10 เซนติเมตร)
    - ปรับค่าสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติ (Auto White Balance)
    - ปรับค่า Exposure แบบอัตโนมัติ (Auto Exposure)
    - ถ่ายภาพวิดีโอ (VGA : 640x480 Pixels : 30 fps)
    - ฟังก์ชัน Geotagging รองรับการแนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งบนพื้นโลกไปกับรูปถ่าย หรือวิดีโอ
    - โปรแกรมเปิดดูรูปภาพ (Photo Browser)
  • เกมส์ในเครื่อง
    - รองรับการควบคุมการเล่นเกมส์ด้วยการเคลื่อนไหว (Motion-Sensitive Gaming)
  • มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (ดำ และ ขาว)
  • เปิดตัวครั้งแรก เมื่อ เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2009
  • กำหนดการออกวางจำหน่าย เดือนมิถุนายน 2009 (อเมริกา) หรือ เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2009 (ประเทศไทย และทั่วโลก)
  • ตัว S ในชื่อรุ่น 3G S ย่อมาจากคำว่า Speed
  • ราคาเปิดตัว (แบบติดสัญญา) 199$ (รุ่น 16 GB) หรือ 299$ (รุ่น 32 GB)




  • ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.thaimobilecenter.com

    อุ๊บ ไม่เผาผี พจน์ ลั่นไม่เลิกด่าจะจิกตบสั่งสอน

    อุ๊บ ไม่เผาผี พจน์ ลั่นไม่เลิกด่าจะจิกตบสั่งสอน

    "อุ๊บ วิริยะ" ประกาศไม่เผาผีคู่อริ "พจน์ อานนท์" ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เตือนถ้าไม่หยุดมากจะจิกและตบสั่งสอน ลั่นกรรมตามสนองที่เคยทำไว้กับ เอ-ศุภชัย
    อุ๊บ ไม่เผาผี พจน์ ลั่นไม่เลิกด่าจะจิกตบสั่งสอน
    ยืนกรานไม่มีวันขอโทษอีกฝ่ายก่อนเพราะไม่ใช่คนผิด พร้อมยันเปล่าสร้างกระแสเกาเหลาดันให้ตัวเองดัง
    ยังคงแร๊งงงงงสาดโคลนกันไปมาไม่เลิก ล่าสุดนักปั้นชื่อดัง"อุ๊บ วิริยะ" เกิดอาการควันออกหูอีกรอบ หลังถูกอดีตนักปั้นรุ่นน้อง "พจน์ อานนท์" พูดเหยียดผ่านรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ว่า ตนเองไฮโซกว่าที่หาเด็กตามสยามฯและมาบุญครอง งานนี้อุ๊บขอเอาคืนด้วยการประกาศไม่เผาผี พร้อมจะจิกและตบสั่งสอน หากไม่เลิกปากมากว่าตนอีก
    "ในรายการทีวีเขาเหยียดพี่อุ๊บว่า พี่อุ๊บหาแต่เด็กแถวเดอะมอลล์ บางกะปิ แถวตะวันนา แต่เขาไฮโซหาเด็กแถวสยามฯ มาบุญครอง คุณเอาอะไรมาวัดความเป็นคน พี่ว่าตอนนี้มันขึ้นอยู่ที่คุณค่า อยู่ที่การทำงานมากกว่า มันพิสูจน์ไม่ได้หรอก แล้วที่เขาบอกว่าชมรมบ้าบอ มึงทำอะไรของมึง พูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไง เอาส่วนไหนคิด ทำหนังกะเทยมาสมองเลยเบลอมั้ง จริงๆ พี่กับเขาเห็นหน้ากันมานานตั้ง 30 ปีแล้ว พี่เรียนช่างกล แล้วภาพพจน์เด็กช่างกลสมัยก่อน พวกเกย์กับผู้หญิงจะกรี๊ดๆ เธอหัวโปกกะโหลกกะลา เห็นเด็กช่างกลวัดด่านสำโรงแล้วก็มากรี๊ดๆ เขาหาว่าพี่ไปจีบเขา ผีเห็นผีขนาดนั้นไปจีบกันได้ยังไง ช่างพูดนะ...เอาอะไรมาพูด พี่งงจะมาจีบกันได้ยังไง"
    "พี่ไม่เคลียร์กับเขาแล้ว ไม่มีทางเคลียร์กันได้ นี่ไม่ได้ด่านะ เขาบอกไม่ได้ด่าเอ (ศุภชัย) เขาแค่สั่งสอน ตอนนี้กรรมตามสนองเขาแล้ว พี่ไม่ได้ด่าเขา แต่พี่สั่งสอนเขาในฐานะที่เขาเป็นรุ่นน้อง เขาทำไม่ถูกต้องเราก็ต้องว่าและวิจารณ์ เขาบอกพี่มีแต่ด่าๆๆๆๆๆ โอ๊ย.........พี่ไม่เผาผีเขาทั้งชาตินี้และชาติหน้า แล้วจะบอกว่าให้หยุดสร้างศัตรูซะที หยุดทะเลาะกับคนอื่นเสียที เพราะอย่างน้อยตายไปจะได้มีคนมาเผาผีพจน์เพิ่มอีกคน ถ้ายังพูดมากเจอครั้งนี้ตบเลย ไม่ชกให้เสียมือหรอก ถ้าจะชกเอาไว้ชกผู้ชาย คนเพศนี้ต้องตบ จิกแล้วตบ ตบแล้วจิก และไม่ต้องมาขอโทษ เพราะพูดมากแล้ว คิดว่ามันจะกล้าสู้หน้าพี่เหรอ คิดว่ามันจะมารับงานเดียวกันกับพี่ได้เหรอ ถ้าเจอหน้าพี่คงต้องเอาปี๊บคลุมหน้า"
    "เขาบอกให้พี่ไปขอโทษเขา แล้วพี่จะไปขอโทษเขาทำไม พี่ไม่ได้ผิด จริงๆ แล้วตัวเขาเป็นคนที่ใช้วาจาพูดแรงกับพี่ก่อน พี่อยากให้เขาถอนคำพูดไม่ต้องมาขอโทษพี่ จริงๆ อยากได้แค่มาคุยมาเคลียร์กันหลังไมค์ แล้วก็จากกันด้วยดี ต่างคนต่างอยู่ก็ได้ ไม่ต้องเจอหน้าแล้วด่ากันตบตีกัน มันแก่แล้วจะ 50 แล้ว แก่จะเข้าโลงแล้ว ไม่รู้จะตายกันเมื่อไหร่ (เหตุที่ต้องโกรธขนาดนี้?) ก็โกรธ มันบอกว่าไม่อยากสังคยนาด้วย ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ได้สนิทกัน จริงที่เราไม่เคยไปจิกผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าไปตามงานก็จะไปกินข้าวด้วยกัน โทรหากันตลอดเวลาเพื่อคุยเรื่องงานและเรื่องต่างๆ นานา มันทำให้เรารู้สึกว่าทำไมถึงพูดกับเราแบบนี้ ก็เลยอยากจะสั่งสอนกลับบ้างว่า มาเล่นกับพี่ไม่ได้นะ เขาทะเลาะกับเอยังด่าเอรายวันได้ แต่ถ้าเกิดจะมาด่าพี่พี่ไม่ยอม พี่ติดใจตรงคำว่าสังคยนา และที่เขาบอกว่าชมรมบ้าบออะไรของมึง เขาหาว่าพี่อยากสร้างชมรมเพราะอยากสร้างกระแสให้ตัวเองกลับมาดัง ตรงนี้มันเอาอะไรมาวัดว่าใครดังหรือไม่ดัง พี่ว่าเราแข่งขันกันทำงานทำความดีเพื่อสังคมดีกว่า คุณจะดังมากดังน้อยเดี๋ยวก็อยู่โลง อยู่ได้ไม่ถึง 100 ปีหรอก สงสัยทำหนังกะเทยมากจนสมองเบลอ"
    ยอมรับไม่ได้สนิทมาก แต่เป็นเพื่อนร่วมวงการเดียวกันมานานกว่า 20 ปี คาดดวงไม่สมพงศ์กัน และอีกฝ่ายชอบทะนงตัวว่ามีชื่อเสียง เลยเป็นเหตุทำให้ทะเลาะกันมาตลอด
    "จริงๆ เราไม่ได้สนิทกันแบบหวานแหววแต๋วจ๋า แต่มันเป็นเพื่อนในวงการที่คุ้นเคยกันตั้ง 20 กว่าปี โอเค.ครั้งนั้นมันอาจจะไม่ชอบ ดวงเราอาจจะไม่สมพงศ์กัน แต่มันต้องมาเจอกัน ก็รู้สึกว่าสงสัยคงต้องเป็นอริศัตรูกัน ถึงได้ทะเลาะกันเดี๋ยวดีกัน แต่ครั้งนี้มันแรงมาก พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงของเขา แต่เขาทะนงตัวว่ามีชื่อเสียง เขามีทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่มีเหมือนพี่คือ มิตรแท้ในวงการบันเทิงจริงๆ ดังนั้นพี่ก็คงจะไม่เคลียร์อะไร"
    "พี่ไม่ได้ทำเพราะต้องการสร้างกระแสให้ตัวเอง ทุกวันนี้พี่ก็ดังอยู่แล้วจะสร้างทำไม ดังในทางที่ไม่ดี เดี๋ยวเขาก็มาหาว่าพี่ไปเกาะเขาดัง แต่พี่ขอดังด้วยตัวเองดีกว่า ทุกวันนี้ก็มีความสุขกับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเยอะแยะ งานการพี่ก็มีแล้วจะต้องไปเกาะเขาดังทำไม มันไม่มีความภูมิใจ พี่ว่าพี่ดังด้วยตัวเองดีกว่า ไม่ต้องใช้บันไดเขาดัง พี่จะภูมิใจ
    ที่มาข้อมูล : Gossip Star
    ข้อมูลโดย : นิตยสาร Gossip Star

    นักวิชาการ ดัน "ซีเรียสเกม" แก้เด็กติดเกม

    Pic_11803

    ถือเป็นกุศโลบายใหม่ ให้ความรู้กับผู้เล่นพร้อมกับความบันเทิง โดยจะเจรจากับเข้าของลิขสิทธิ์นำเกมลิขสิทธิ์มาปรับให้สอดคล้องกับความเป็นไทย...

    นายอิทธิพล ปรีติประสงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าววันนี้ (9 มิ.ย.) ว่า จากการจัดเสวนาหัวข้อ “เกมส์ ออนไลน์” ครั้งที่ 1 เรื่องเนื้อหาเกมคอมพิวเตอร์กับการพัฒนาเด็ก เยาวชน และสังคม เพื่อป้องกันและร่วมหาทางออกในประเด็นเกมและความรุนแรง ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นของเกมที่กลายเป็นประเด็นร้อนที่ ส่งผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยจากข้อมูล ขณะนี้ พบว่ามีผู้เล่นเกมออนไลน์ในประเทศไทย มากกว่า 6 ล้านคนโดยเนื้อหาของเกมส์ยังเน้นการต่อสู้เป็นหลัก

    ผู้ช่วย ผอ.ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีฯ สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวต่อว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับผลสำรวจของเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ระบุว่าเด็กและเยาวชน ร้อยละ 81.3 เคยพบฉากเกมต่อสู้ อายุน้อยที่สุด 3 ขวบ ร้อยละ 18.5 เคยพบเห็นเกมที่มีภาพโป๊เปลือย และอายุน้อยที่สุดคือ 5 ขวบเท่านั้น ดังนั้นจึงได้เสนอเกมมิติใหม่ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย มีชื่อว่า ซีเรียสเกม (Serious Game) เพื่อช่วยแก้ปัญหาผลกระทบเชิงลบระยะยาว ที่เกิดขึ้นจากเกมคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะปัญหาพฤติกรรมรุนแรงในเด็ก

    นายอิทธิพล กล่าวถึงซีเรียสเกมว่า สำหรับรูปแบบของเกมนั้นจะเป็นการเสริมสร้างระบบความคิดสร้างสรรค์ ด้านวิชาการ คุณธรรมและจริยธรรม ทักษะการดำเนินชีวิตและระบบครอบครัวให้เกิดขึ้นในตัวผู้เล่น ยกตัวอย่าง เช่น เกมส่งเสริมวิชาชีพ เล่นบทบาทเป็นหมอ พยาบาล วิศวกรเกมวางแผนต่างๆ หรือ เกมพอเพียง ที่เล่นเป็นเกษตรกรผู้หลบออกจากสังคมเมืองกลับบ้านต่าง จังหวัดเพื่อพัฒนาพื้นที่การเกษตรให้เจริญก้าวหน้า นอกจากนี้จะมีการนำเกม ที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว มาปรับเปลี่ยนโดยอาจเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น เกมเต้นที่เป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กวัยรุ่นมาปรับเปลี่ยนเครื่องแบบการแต่งกาย ใส่ชุดไทย และเปลี่ยนรูปแบบ การเต้น เป็นรำไทย เป็นต้น

    ผู้ช่วย ผอ.ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีฯ สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวอีกว่า ในเมื่อภาครัฐยังไม่สามารถแยกเด็กออกจากเกมได้ ดังนั้นจึงต้องนำเอาสาระความรู้ เข้าไปอยู่ในเกมแทน ถือเป็นกุศโลบายใหม่เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้เล่นพร้อมกับความบันเทิง ที่เกมประเภทนี้เข้ามาในประเทศไทยได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่เป็นที่ นิยมมากนัก เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ในด้านการตลาดได้ หรือ อาจจะเน้นสาระมากเกินไปจนผู้ เล่นรู้สึกไม่สนุก ส่วนตัวคิดว่าซีเรียสเกมอาจไม่สามารถแก้ปัญหาเด็กติดเกมได้โดย ตรงแต่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ในด้านต่างๆให้กับ เด็กและเยาวชน

    นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังแนะให้เปลี่ยนชื่อจาก Serious Game เป็น Intelligent Game (I-Game) ก่อนเพราะกลัวคนเข้าใจผิดว่าเล่นเกมนี้แล้ว จะต้องเคร่งเครียดเพราะผู้ที่ เล่นเกมต้องการผ่อนคลาย ไม่ใช่เล่นไปเครียดไปอย่างไรก็ตามจะมีการเสนอต่อที่ประชุม กระทรวงวัฒนธรรมอีกครั้ง เพื่อพิจารณาแนวทางการส่งเสริมในวงกว้างโดยเร็วที่สุด

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง



    UP

    UP



    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง (ดิสนีย์-พิกซ่าร์ แอนิเมชั่น สตูดิโอ)

    กำหนดฉาย : 11 มิถุนายน 2552
    แนว : แอนิเมชั่น/ผจญภัย
    นักพากย์

    เอ็ด แอสเนอร์ (คาร์ล เฟร็ดดริคเซน)
    จอห์น แรทเซนเบอร์เกอร์ (ทอม หัวหน้าคนงานก่อสร้าง)
    จอร์แดน นากาอิ (รัสเซล)
    อลิซาเบธ "เอลลีย์" ด็อคเตอร์ (เอลลีย์วัยเด็ก)
    เดลรอย ลินโด (เบต้า)

    กำกับ : พีท ด๊อกเตอร์
    เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์

    เรื่องราวดีๆ ของ "คาร์ล เฟร็ดดิกเซน" ชายชราขายลูกโป่งวัย 78 ปี ผู้ซึ่งในที่สุดก็ได้ทำความฝันที่จะได้ผจญภัยให้เป็นจริงเสียที เมื่อเขาผูกลูกโป่งนับพันเข้ากับบ้านของเขาและโบยบินไปสู่ผืนป่าเซาธ์ อเมริกา แต่เขาก็มารู้เอาเมื่อสายไปแล้วว่า ฝันร้ายของเขาก็แอบร่วมทริปเดินทางมากับเขาด้วย และฝันร้ายนั้นก็มาในรูปแบบของลูกเสือนักสำรวจวัย 8 ขวบ ที่มองโลกในแง่ดีเกินเหตุที่มีชื่อว่า "รัสเซล" การเดินทางสู่ดินแดนที่อารยธรรมสาบสูญ ที่ซึ่งพวกเขาได้พบตัวละครแปลกประหลาดที่น่าตกใจมากมาย เต็มไปด้วยความขบขัน ความอบอุ่นหัวใจและการผจญภัยสุดบรรเจิด

    จากผู้กำกับที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ พีท ด็อกเตอร์ จาก มอนส์เตอร์อิงค์ ให้เสียงโดย เอ๊ด เอสเนอร์, คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์, และแน่นอน จอห์น แรทเซนเบอร์เกอร์ นักแสดงคนเดียวที่ได้พากย์เสียงในภาพยนตร์ทุกเรื่องของพิกซาร์ ซึ่งคราวนี้เขาจะรับบทเป็น คนงานก่อสร้างชื่อ ทอม เตรียมตัวผจญภัยบนท้องฟ้า ตะลุยป่าดงพงไพรไปกับฮีโร่วัยดึกและลูกเสือขี้สงสัย ในระบบดิสนีย์ดิจิตอล 3 มิติทะลุจอ

    11 มิถุนายน 2552 ทุกโรงภาพยนตร์ และ ในระบบดิสนีย์ดิจิตอล 3 มิติ



    ใครเป็นใครใน "UP"

    UP



    คาร์ล เฟร็ดดิกเซน (พากย์เสียงโดย เอ็ด แอสเนอร์) ไม่ใช่ฮีโรแบบที่คุณเห็นได้ทั่วๆ ไป เขาเป็นตาแก่ขี้หงุดหงิดก็จริง แต่เขาก็เหมือนกับ วอลเตอร์ แมทธิว และ สเปนเซอร์ เทรซี ตรงที่เขาเป็นตาแก่เบื่อโลกที่คุณรักเขาได้ เขาเป็นเซลส์แมนขายลูกโป่งที่ถูกบีบให้ต้องจากบ้านที่เขาและเอลลีย์ ภรรยาผู้ล่วงลับสร้างขึ้นมาด้วยกัน แต่แทนที่จะย้ายไปอยู่บ้านคนชรา คาร์ลกลับลงมือทำในอีกอย่างหนึ่ง เขาอาจจะเป็นคนชราก็จริง แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะยอมแพ้ เขาจะใช้ชีวิตที่เหลือของเขาอย่างที่เขาอยากจะเป็น เขาผูกลูกโป่งนับพันลูกไว้กับหลังคา เพื่อให้มันยกบ้านลอยขึ้นไปในอากาศ และมุ่งหน้าไปยังเซาธ์ อเมริกา เพื่อทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้กับภรรยาเมื่อหลายปีก่อน

    แผนการยิ่งใหญ่ของคาร์ลกลับสะดุดเมื่อเขาว่ามีคนแอบติดตามเขามาโดยไม่คาดฝัน คนคนนั้นก็คือรัสเซล หนูน้อยผู้กระตือรือร้นและมองโลกในแง่ดีสุดๆ การผจญภัยของคาร์ลกลับกลายเป็นบททดสอบความอดทนเมื่อทั้งคู่จะต้องเอาชีวิต ให้รอดจากสภาพอากาศรุนแรง ภูมิประเทศที่ไม่น่าไว้วางใจและสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดของป่าแห่งนี้ รวมถึงกันและกันด้วย

    UP



    รัสเซล (พากย์เสียงโดย จอร์แดน นาไก) เป็นลูกเสือวัย 8 ขวบที่แสนกระตือรือร้นและตื๊อเก่งจากกองที่ 54 หมู่ที่ 12 รัสเซล ผู้แบกเป้หลังที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การสำรวจ พร้อมที่จะผจญภัยในป่าใหญ่แล้ว! มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวเท่านั้นล่ะตรงที่ว่าเขาไม่เคยออกนอกเมืองไปไหนเลย ความรู้เรื่องป่าทั้งหมดของเขามาจากหนังสือล้วนๆ และประสบการณ์การตั้งแคมป์ครั้งเดียวของเขาก็คือในห้องนั่งเล่นของตัวเอง รัสเซลภาคภูมิใจที่จะโชว์ตราลูกเสือนักสำรวจของเขา ซึ่งรวมถึงตราในการปฐมพยาบาลขั้นต้น ปฐมพยาบาลขั้นสอง สัตว์วิทยาและการปลอมแปลงโฉม เขาขาดเพียงตราช่วยเหลือคนชราเท่านั้นที่จะทำให้ความฝันในชีวิตของเขา ในการเป็นลูกเสือนักสำรวจอาวุโส เป็นจริงได้ เมื่อเขาตั้งเป้าเอาไว้ว่าคาร์ล เฟร็ดดิคเซนจะเป็นชายชราที่เขาจะช่วยเหลือ รัสเซลกลับกลายเป็นคนที่ต้องติดอยู่บนระเบียงหน้าบ้านของคาร์ลไปโดยไม่ได้ ตั้งใจเมื่อบ้านลอยขึ้นสู่อากาศ และพบว่าตัวเองได้ผจญภัยในป่าจริงๆ อย่างที่เขาใฝ่ฝันถึงมาโดยตลอด

    ดั๊ก (พากย์เสียงโดย บ็อบ ปีเตอร์สัน) เป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้นแสนน่ารักที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า "พาราไดส์ ฟอลส์" ในฐานะส่วนหนึ่งของฝูงสุนัขที่ตามหานกที่บินไม่ได้ ดั๊กก็เหมือนกับสุนัขตัวอื่นๆ ในฝูง ที่มีปลอกคอไฮเทคที่สามารถแปลความคิดของเขาให้กลายเป็นคำพูด แต่ดั๊กก็ถูกล้อว่าเป็นเนิร์ดประจำฝูง เมื่อถูกส่งเข้าป่าไปเพื่อทำภารกิจ "พิเศษ" ดั๊กก็บังเอิญทำภารกิจลุล่วงเมื่อเขาค้นพบนกที่ติดตามคาร์ลและรัสเซลมา ขณะที่พวกเขาถูกตามไล่ล่าไปทั่วป่าจากฝูงของเขาเอง ดั๊ก ผู้เรียบง่ายแต่น่ารัก ก็ต้องตัดสินใจว่า เขาควรจะอยู่ฝูงไหนกันแน่

    เควิน เป็นนกบินไม่ได้เจ้าของร่าง 13 ฟุต ที่ซ่อนเร้นจากทั่วทั้งโลกในป่าพาราไดส์ ฟอลส์ ด้วยขนนกสีสันสดใสและลำคอที่ยาว และคดงอได้ ทำให้เควินเป็นนกที่มีความว่องไวและพลิ้วไหวเป็นพิเศษ จริงๆ แล้ว นกยักษ์ตัวนี้มักจะไปตกอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดและดูเหมือนจะเป็นไป ไม่ได้อยู่เสมอๆ มีน้อยคนนักที่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีคุณค่าอย่างยิ่งทางวิทยาศาสตร์ตัวนี้ มีชีวิตอยู่ แต่คาร์ลและรัสเซลก็ไปเจอกับนกตัวนี้โดยบังเอิญ ซึ่งรัสเซลตั้งชื่อมันว่าเควินหลังจากเขาพบว่ามันก็ชอบของหวานเหมือนกับเขา ทั้งเควินและรัสเซลต่างกลายเป็นเพื่อนซี้กันในทันที และแม้ว่ามันมักจะเอาไม้เท้าของคาร์ลไปอมเล่นอยู่บ่อยๆ เควินก็ได้ร่วมผจญป่าไปกับกลุ่มที่ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้ ที่ประกอบไปด้วยคาร์ล, รัสเซลและดั๊ก

    ฝูง หมายถึงฝูงสุนัขของมุนซ์ ผู้ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในการจับตัวนกหายากที่เจ้านายของพวกมันต้องการ พวกมันเป็นสุนัขจริงๆ ที่รักสนุกและมีนิสัยหลายแง่มุม แต่พวกมันก็เหมือนกับ ดั๊ก เพื่อนร่วมฝูงที่ถูกกีดกันของมัน ตรงที่พวกมันมีปลอกคอไฮเทคที่ทำให้มันมีความสามารถพิเศษที่ออกแบบมาเพื่องาน ล่าครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งรวมถึงการสะกดรอยทาง GPS และเครื่องมือแปลงความคิดของพวกมันให้กลายเป็นคำพูด อัลฟา (พากย์เสียงโดย บ็อบ ปีเตอร์สัน) จ่าฝูง เป็นสุนัขโดเบอร์แมน พินส์เชอร์ ที่สีดำราวรัตติกาลและดูน่าสะพรึงกลัว มันได้รับมอบหมายหน้าที่นี้จากเจ้านาย ซึ่งก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าตั้งคำถามกับอำนาจของมันด้วย เบต้า (พากย์เสียงโดย เดลรอย ลินโด) ร็อตไวเลอร์ตัวโต มือขวาของอัลฟา และแกมมา (พากย์เสียงโดยเจอโรม แรนท์) สมุนตัวสำคัญของอัลฟาก็เป็นสุนัขบุลด็อกผู้แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรที่ทำให้พวกมันไขว้เขวจากภารกิจของพวกมันได้...เว้นแต่กระรอก

    เมื่อหลายปีก่อน ชาร์ลส์ เอฟ. มุนซ์ (พากย์เสียงโดย คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) ชายหนุ่มผู้ชาญฉลาดและหล่อเหลา เป็นความหวังที่รุ่งโรจน์ของชาวอเมริกัน เขาสร้างแรงบันดาลใจให้แฟนพันธุ์แท้ของเขา คาร์ลและเอลลีย์ ท่องคติที่โด่งดังของเขาว่า "การผจญภัยรออยู่ข้างนอกนั่น!" ระหว่างการเดินทางรอบโลกหลายครั้งหลายหนด้วยเครื่องบินขนาดใหญ่ที่เขาออกแบบ เอง เขาก็ได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าของโลก ไม่ว่าจะเป็นวัตถุโบราณล้ำค่า การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งและพันธุ์ไม้ พันธุ์สัตว์แปลกๆ ที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน แต่เมื่อมุนซ์นำโครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตที่สูง 13 ฟุตกลับมาจากภูเขาที่ห่างไกลในเซาธ์ อเมริกา เขากลับถูกเมินจากนักวิทยาศาสตร์ ด้วยคำสาบานที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด มุนซ์จึงได้เดินทางกลับไปเซาธ์ อเมริกาอีกครั้ง เพื่อนำตัวเป็นๆ ของสิ่งมีชีวิตนั้นกลับมาให้ได้ และเขาก็จะไม่ยอมกลับมาจนกว่าเขาจะทำสำเร็จ!

    เอลลีย์ (พากย์เสียงโดย เอลลีย์ ด็อคเตอร์) เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กๆ และเป็นเนื้อคู่ของคาร์ลด้วย ภายหลังเธอกลายมาเป็นภรรยาของเขา ความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ ของเธอที่จะได้เดินทางไปพาราไดส์ ฟอลส์และสัญญาของคาร์ลที่จะพาเธอไปที่นั่นกลายเป็นแรงจูงใจที่นำมาซึ่งการ เดินทางสุดวิเศษของคาร์ล

    ทอม หัวหน้าคนงานก่อสร้าง (พากย์เสียงโดย จอห์น แรทเซนเบอร์เกอร์) พยายามเกลี้ยกล่อมคาร์ลให้ขายบ้านให้กับเจ้านายของทอม ที่เป็นคนรับเหมาก่อสร้าง แรทเซนเบอร์เกอร์เป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ได้พากย์เสียงในภาพยนตร์ทั้งสิบ เรื่องของดิสนีย์ / พิกซาร์



    UP

    UP

    UP

    UP

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง

    UP

    UP

    UP

    UP

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง

    UP ปู่ซ่าบ้าพลัง





    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

    ข่าว

    Blood The Last Vampire

    Blood The Last Vampire



    Blood The Last Vampire

    Blood The Last Vampire

    Blood The Last Vampire

    Blood The Last Vampire



    ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ (เอ็ม พิคเจอร์ส)

    กำหนดฉาย : 4 มิถุนายน 2552
    แนว : แอ็คชั่น
    นำแสดง : จวน จีฮุน, อลิสัน มิลเลอร์, โคะยูกิ
    กำกับ : Chris Nahon (Kiss of the Dragon)
    เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์

    เรื่องย่อ

    ที่ไหนมีปิศาจพลุกพล่าน
    เธอจะตามไปล่า


    รูป ลักษณ์ภายนอกของ ซายะ (จวน จีฮุน) คือเด็กสาววัย 16 หน้าตาสะสวย ทว่าภายใต้ความเยาว์วัย คือจิตวิญญาณพันธุ์ผสมที่ทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 400 ปี

    ด้วยความที่พ่อเป็นมนุษย์ แต่แม่เป็นแวมไพร์ ลูกผสมอย่างเธอจึงต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานนับศตวรรษ โดยยึดมั่นอยู่กับการทำลายโลกของแวมไพร์ให้สิ้นซากด้วยทักษะเยี่ยงซามูไร ในขณะที่ตระหนักดีว่าตัวเองนั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือดไม่ต่างจาก เผ่าพันธุ์ที่เธอกำลังล่าล้าง ต่อเมื่อองค์กรลับที่เธอสังกัดมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจที่ฐานทัพสหรัฐฯใน กรุงโตเกียว ซายะก็รู้ทันทีว่าโอกาสที่จะได้ถอนรากถอนโคนนายใหญ่ผู้ชั่วร้ายของเหล่าแวม ไพร์ นั่นคือ โอนิเจน (โคยูคิ) อาจ มาถึงแล้ว เธอเริ่มใช้พลังเหนือมนุษย์และดาบคู่กายตะลุยกวาดล้างความชั่วร้ายไปเรื่อยๆ ด้วยท่วงท่าอันสง่างามและน่าตื่นตาตื่นใจ ก่อนที่เธอจะได้เชื่อมสัมพันธ์กับลูกสาวของนายพลประจำฐานทัพ อันเป็นมิตรภาพกับมนุษย์ครั้งแรกในรอบหลายๆ ศตวรรษ อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่เธอตระหนักว่าควรจะใช้พลังแกร่งกล้าเหนือโอนิเจนที่ มีอยู่กับตัวเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับมวลมนุษย์

    ผู้คุมงานสร้างเลื่องชื่อ บิลล์ คอง (จาก Crouching Tiger, Hidden Dragon และ Hero) และ อาเบล นาห์มิอาส (จาก 11 Commandments และ La Beuze) รวมทีมกับผู้กำกับภาพยนตร์ คริส นาอง (จาก Kiss of the Dragon) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาษาอังกฤษนำเสนอการผจญภัยล่าล้างแวมไพร์ในโลกที่ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับหญิงสาวโฉมสะคราญเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

    จุดเด่น

    - นำแสดงโดย Gianna Jun (หรือ Jun Ji Hyun ดารา Superstar เกาหลีจากเรื่อง Il Mare และ My Sassy Girl) ร่วมด้วย Allison Miller (Desperate Housewives) และ Koyuki (The Last Samurai)

    - กำกับโดย Chris Nahon จาก Kiss of the Dragon และอำนวยการสร้างโดย William Kong ผู้สร้าง Crouching Tiger Hidden Dargon, Hero, House of Flying Dagger และ Fearless) บทภาพยนตร์โดย Ronny Yu จาก Fearless ร่วมด้วยทีมงาน Special Effect จาก Spider-Man, Terminator และ Fantastic Four

    - ทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ดัดแปลงจาก Animation ชื่อ Blood The Last Vampire ของ Hiroyuki Kitakubo ซึ่งได้รับรางวัลอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจาก World Animation Celebration ในปี 2001


    Blood The Last Vampire



    แรงบันดาลใจ

    แอ็กชั่นทริลเลอร์เรื่องใหม่ภายใต้การกำกับของ คริส นาอง เรื่องนี้ ดัดแปลงจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของสังกัด โปรดักชั่น ไอ.จี ในชื่อเดียวกัน คือ Blood: The Last Vampire ซึ่งออกฉายทั่วโลกไปแล้วในปี 2000 อันเป็น 48 นาทีแห่งความลุ้นระทึกจากฝีมือการกำกับของ ฮิโรยูกิ คิตาคูโบะ (ผู้เป็นแกนหลักในการสร้างภาพเคลื่อนไหวในแอนิเมชั่นซึ่งกำกับโดย คัตสึฮิโร โอโตโมะ เรื่อง Akira) เรื่องราวปะทุขึ้นในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1966 อันเป็นปีเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาตัดสินใจก้าวเข้าสู่สงครามเวียดนามเต็มตัว ภาพยนตร์นั้นถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวชื่อ ซายะ ผู้มีอาวุธคู่กายเป็นดาบญี่ปุ่น เมื่อครั้งที่องค์กรลึกลับส่งตัวเธอไปล่าล้างเหล่าแวมไพร์ที่ซ่อนตัวปะปน อยู่กับผู้คนในฐานทัพโยโกตะ อันเป็นฐานที่มั่นของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 30 กิโลเมตร

    ในส่วนของภาพยนตร์แอนิเมชั่นต้นฉบับในสังกัดโปรดักชั่น ไอ.จี คว้ารางวัลต่างๆ มาแล้วจากทั่วโลก ดังนี้

    - งาน The World Animation Celebration ปี 2001 – รางวัล Best Theatrical Feature Film

    - เทศกาลแอนิเมชั่นเมืองโกเบครั้งที่ 6 ประจำปี 2001 – รางวัล Individual Award ให้กับ ผกก.ฮิโรยูกิ คิตาคูโบะ

    - เทศกาล Takasaki Film Festival ปี 2001 – รางวัล Special Prize

    - งาน Mainichi Film Awards ปี 2000 – รางวัล Ofuji Noburo Award

    - เทศกาล Japan Media Arts Festival ปี 2000 – รางวัลกรังปรีซ์ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่น

    - เทศกาล Montreal Fantasia Film Festival ปี 2000 – รางวัล Public's Prize Best Asia Feature Film

    มาโมรุ โอชิอิ ผู้กำกับแนวภาพของแอนิเมชั่นต้นฉบับในปี 2000 ให้กำเนิดนิยายภาพชื่อ Blood: The Last Vampire: Night of the Beasts ในญี่ปุ่นเดือนตุลาคมปี 2000 ก่อนที่นิยายจะตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ทั่วอเมริกาเหนือในปี 2005 แรกเริ่มเดิมที มาโมรุ โอชิอิ เป็นผู้กำกับแอนิเมชั่นและไลฟ์แอ็กชั่นที่คว้ารางวัลมาแล้วหลายต่อหลาย รางวัล ที่สำคัญ ผลงานของเขาในปี 2004 อย่าง Ghost in the Shell 2: Innocence เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ส่วนในปี 2008 ผลงานอีกเรื่องอย่าง The Sky Crawlers สามารถคว้ารางวัล Future Film Festival Digital จากเทศกาลภาพยนตร์กรุงเวนิสมาได้ รวมถึงเข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำในเทศกาลเดียวกันนี้อีกด้วย

    มังงะและนิยายภาพมากมายแตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากแอนิเมชั่นเรื่อง Blood: The Last Vampire ไม่ว่าจะเป็น มังงะภาคก่อนเล่มเดียวจบอย่าง Blood: The Last Vampire 2000 ซึ่งเขียนโดย เบนเคียว ทามาโอกิ และตีพิมพ์เผยแพร่ในญี่ปุ่นช่วงปี 2001 โดยสำนักพิมพ์ คาโดคาวะ โชเท็น (Kadokawa Shoten) ก่อนจะตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษโดยสำนักพิมพ์ วิซ มีเดีย (Viz Media) ในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 และปรับเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยเป็น Blood: The Last Vampire 2002 นอกจากนี้ ยังได้รับการดัดแปลงเป็นนิยายภาพโดยตีพิมพ์ต่อเนื่องเป็นชุดทั้งหมด 3 เล่ม พร้อมทั้งดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมอีกด้วย

    กระทั่งในปี 2005 โซนี่และโปรดักชั่น ไอ.จี จึงประกาศสร้าง Blood+ ในรูปแบบแอนิเมชั่น 50 ตอนซึ่งจะออกฉายต่อเนื่องทางโทรทัศน์ โดยที่ปรับเปลี่ยนโลกในจอแก้วนี้ให้แปลกออกไปจาก Blood: The Last Vampire กล่าวคือ โยงใยสัมพันธ์ไปถึงภาพยนตร์เพียงแผ่วเบาและใส่เรื่องราวซึ่งแตกต่างเข้าไป มากมาย Blood+ ออกฉายตอนแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2005 ทางช่อง MBS/TBS และออกอากาศต่อเนื่องมาจนถึง 23 กันยายน 2006



    นักแสดง



    Blood The Last Vampire


    จิอานนา (จวน จีฮุน) แสดงเป็น ซายะ

    จิอานนาเกิดในปี 1981 และเป็นศิลปินนักแสดงชาวเกาหลีซึ่งได้รับคำยกย่องชื่นชมทั่วเอเชีย เธอเป็นที่รู้จักในแถบบ้านเกิดเมืองนอนในชื่อ จวน จีฮุน ภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของเธอซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุด คือ My Sassy Girl (2001) โดยรับบทเป็นแฟนสาวจอมโหดและอารมณ์ร้าย แต่กลับกลายเป็นสาวที่หนุ่มๆ ทั่วทั้งเอเชียใฝ่ฝันอยากให้มาทำร้าย ที่สำคัญ โรแมนติกคอเมดีเรื่องนี้ยังพาเธอไปคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมใน เทศกาล Daejong Film Festival ปี 2000 มาครองอีกด้วย

    ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่เธอแสดงล้วนติดอันดับภาพยนตร์เอเชียทำรายได้สูงสุดใน ช่วงเวลาที่ออกฉายทั้งสิ้น เป็นต้นว่า Windstruck และ Il Mare ที่ซึ่ง อเลคันโดร อเกรสติ ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Lake House ในปี 2006 โดยมี คีอานู รีฟส์ และ แซนดรา บูลล็อก แสดงนำ นอกจากนี้ เนื่องด้วยความงามอันสดใสแบบสาวเยาว์วัยของจิอานนานั้นตรึงตาตรึงใจทั้งชาย หญิง สินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลายจึงอยากให้เธอมาเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ด้วยกันทั้ง นั้น สำหรับการแสดงใน Blood: The Last Vampire จะเผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของจิอานนา นั่นคือ การเป็นนักแสดงแอ็กชั่นบู๊ดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่เธอจะแสดงเองทุกฉาก แม้แต่ในฉากที่บางครั้งนักแสดงชายยังต้องการตัวแสดงแทน

    ผลงานภาพยนตร์

    Blood the Last Vampire (2008)
    If I Were Superman (2008)
    Daisy (2006)
    Windstruck (2004)
    Uninvited (2003)
    My Sassy Girl (2001)
    Il Mare (2000)
    White Valentine (1999)


    Blood The Last Vampire



    แอลลิสัน มิลเลอร์ รับบท อลิซ แม็คคี

    แอลลิสัน มิลเลอร์ ผ่านผลงานการแสดงในดราม่าซีรี่ส์ทางโทรทัศน์มาแล้วมากมาย อาทิ Cold Case (2006), CSI: NY (2006), Desperate Housewives (2006) รวมถึงเรื่อง Kings (มหากาพย์ดราม่าเรื่องใหม่จากผู้อำนวยการสร้าง Heroes) ซึ่งกำหนดปฐมฤกษ์ฉายในเดือนมีนาคม 2009

    Blood: The Last Vampire เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของมิลเลอร์ ก่อนที่จะแสดงประชันบทบาทกับ แซค เอฟรอน ในคอเมดีเรื่อง 17Again อันเป็นผลงานกำกับโดยผู้เขียนบทมือรางวัล เบอร์ สเตียส์




    เลียม คันนิงแฮม รับบท ไมเคิล

    นักแสดงชาวไอริช เลียม คันนิงแฮม เคยทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นช่างไฟในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 กระทั่งบังเอิญเห็นโฆษณาโรงเรียนฝึกสอนการแสดง จึงตัดสินใจไปลองเปลี่ยนสายอาชีพมาเป็นนักแสดง บทบาทแรกที่เขาได้แสดงคือตำรวจในภาพยนตร์เรื่อง Into The West (1992) หลังจากนั้นจึงมีผลงานในภาพยนตร์และละครเวทีตามมาอีกมากมายบนสองฝั่งฟาก ของมหาสมุทรแอตแลนติก คันนิงแฮมเคยชนะรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาแล้วถึงสองครั้งจากการแสดงใน A Love Divided (1999) และ The Wind that shakes the Barley (2006) ยิ่งไปกว่านั้น เขายังติดอันดับหนึ่งในห้าสุดยอดนักแสดงไอริชแห่งสหัสวรรษจากโพลสำรวจโดย เครือข่ายโทรทัศน์และภาพยนตร์แห่งไอร์แลนด์ (Ireland Film and Television Network)

    เจเจ ฟิลด์ รับบท ลู้ก

    เจเจ ฟิลด์ เกิดที่โคโลราโดและย้ายไปอยู่สหราชอาณาจักรตั้งแต่ยังแบเบาะ เขาเริ่มการแสดงตั้งแต่สมัยเรียนวิทยาลัย เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการแสดงแล้ว ก็ฝากฝีมือไว้ในผลงานภาพยนตร์มากมาย รวมทั้งรับบทหลากหลายทางโทรทัศน์ เขาเคยรับบทเป็น ไซมอน ดอยล์ ในซีรี่ส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Poirot นอกจากนี้ยังแสดงประกบ เฟลิซิตี โจนส์ ใน Northanger Abbey รวมถึงแสดงประกบ บิลลี ไพเพอร์ ใน The Ruby in the Smoke ส่วนผลงานทางภาพยนตร์เรื่องแรก ได้แก่ Ring Around the Moon ในปี 2008




    โคยูคิ รับบท โอนิเจน


    โคยูคิเป็นทั้งนางแบบและนักแสดงชาวญี่ปุ่น เธอเกิดที่เมืองคานากาวะ เริ่มอาชีพนางแบบในปี 1995 ก่อนจะมีผลงานทางการแสดงตามมาทั้งทางจอแก้วและจอเงิน กระทั่งในปี 2006 เธอได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่งาน Japanese Academy Award จากการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Always: Sunset on the Third Street นอกจากนี้ยังพบเห็นเธอได้บ่อยครั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์และโฆษณาทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ในระดับสากลเรื่องแรกของเธอ ได้แก่ The Last Samurai (2003) โดยรับบทเป็น ทากะ ภรรยาของซามูไรที่ถูก นาธาน อัลเกรน ตัวละครซึ่งรับบทโดย ทอม ครูซ สังหาร ก่อนนี้ เธอเพิ่งเสร็จงานแสดงในภาพยนตร์ที่กำลังจะได้ชมกัน กำกับโดย โยชิ ซาอิ เรื่อง Kamui อันเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่ง

    ผลงานภาพยนตร์

    Kamui (2009) (ถ่ายทำเสร็จแล้ว)
    Blood the Last Vampire (2008)
    Always: Sunset on Third Street 2 (2007)
    Kitaro (2007)
    Genghis Khan: To the Ends of the Earth and Sea (2007)
    Always: Sunset on Third Street (2005)
    The Last Samurai (2003)
    Pulse (2001)



    ยาซูอากิ คูราตะ รับบท คาโต ทากาโตระ

    ยา ซูอากิ คูราตะ เกิดในปี 1946 โดยมีผลงานทางภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1970 คือเรื่อง Angry Guest อันเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นบู๊ดุเดือดสัญชาติฮ่องกงซึ่งต้องใช้ตัวแสดงเสี่ยง ตายแทนมากมาย เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักแสดงบู๊กังฟูผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่ว เอเชียในเวลาเดียวกันกับ บรูซ ลี จนในที่สุดนักแสดงทั้งสองก็ผูกมิตรไมตรีกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ครั้งหนึ่งคูราตะให้กระบองคู่เป็นของขวัญแก่ บรูซ ลี ซึ่งลีนำมาใช้แสดงในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง กระทั่งอาวุธนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก

    จวบจนปัจจุบัน คูราตะแสดงภาพยนตร์เอเชียมาแล้วกว่า 100 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ กระทั่งเขากลายเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในฉายา “มังกรแห่งแดนอาทิตย์อุทัย” หรือ Japanese Dragon

    ผู้สร้างภาพยนตร์

    คริส นาอง – ผู้กำกับภาพยนตร์

    คริส นาอง คือผู้กำกับมิวสิกวิดีโอและโฆษณาชาวฝรั่งเศสซึ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เขาเกิดใน ซัวซี ซูส์ มองโมรองซี ประเทศฝรั่งเศส และออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 15 ปี เพื่อเรียนในโรงเรียนศิลปะที่กรุงปารีส ต่อเมื่ออายุ 19 ปี นาองมีผลงานเรื่องแรกในชีวิตเป็นหนังสั้นถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาด 35 มม. สองปีถัดมาจึงสร้างสรรค์หนังสั้นเรื่องที่สองขึ้น

    พออายุ 25 ปี นาองก็ก่อตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ V.A.M.O.S. โดยเขารับหน้าที่คุมงานสร้างพร้อมด้วยกำกับเอง ทั้งโฆษณา มิวสิกวิดีโอ และหนังสั้น หลังจากนั้น V.A.M.O.S. เน้นไปที่กระบวนการหลังการถ่ายทำเสร็จสิ้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตัวนาองเองก็ยังคงสานต่องานด้านกำกับให้กับบริษัทสร้างภาพยนตร์ อื่นๆ

    จวบจนอายุ 30 ปี นาองจึงเริ่มหันเหมาสู่การเขียนบทภาพยนตร์ รวมถึงชะลอกิจการภายในบริษัทตัวเองไว้ก่อน หลังจากเสร็จสิ้นงานกำกับหนังสั้นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ตัดสินใจทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดให้กับการกำกับภาพยนตร์เรื่องยาว ต่อมาไม่นานนัก ลุค เบซซง ก็เรียกตัวไปกำกับ Kiss of the Dragon นอกจากนี้ เขาเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Skate or Die เสร็จสิ้นในปี 2006 ถ่ายทำในปี 2007 และออกฉายในฝรั่งเศสช่วงเดือนมิถุนายนปี 2008

    รายนามผลงานที่เขากำกับฯ

    Chasing the Dragon (2009)
    Blood the Last Vampire (2008)
    Empire of Wolves (2005)
    Kiss of the Dragon (2001)
























    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก