นักวิชาการ ดัน "ซีเรียสเกม" แก้เด็กติดเกม

ถือเป็นกุศโลบายใหม่ ให้ความรู้กับผู้เล่นพร้อมกับความบันเทิง โดยจะเจรจากับเข้าของลิขสิทธิ์นำเกมลิขสิทธิ์มาปรับให้สอดคล้องกับความเป็นไทย...
นายอิทธิพล ปรีติประสงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าววันนี้ (9 มิ.ย.) ว่า จากการจัดเสวนาหัวข้อ “เกมส์ ออนไลน์” ครั้งที่ 1 เรื่องเนื้อหาเกมคอมพิวเตอร์กับการพัฒนาเด็ก เยาวชน และสังคม เพื่อป้องกันและร่วมหาทางออกในประเด็นเกมและความรุนแรง ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นของเกมที่กลายเป็นประเด็นร้อนที่ ส่งผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยจากข้อมูล ขณะนี้ พบว่ามีผู้เล่นเกมออนไลน์ในประเทศไทย มากกว่า 6 ล้านคนโดยเนื้อหาของเกมส์ยังเน้นการต่อสู้เป็นหลัก
ผู้ช่วย ผอ.ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีฯ สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวต่อว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับผลสำรวจของเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ระบุว่าเด็กและเยาวชน ร้อยละ 81.3 เคยพบฉากเกมต่อสู้ อายุน้อยที่สุด 3 ขวบ ร้อยละ 18.5 เคยพบเห็นเกมที่มีภาพโป๊เปลือย และอายุน้อยที่สุดคือ 5 ขวบเท่านั้น ดังนั้นจึงได้เสนอเกมมิติใหม่ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย มีชื่อว่า ซีเรียสเกม (Serious Game) เพื่อช่วยแก้ปัญหาผลกระทบเชิงลบระยะยาว ที่เกิดขึ้นจากเกมคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะปัญหาพฤติกรรมรุนแรงในเด็ก
นายอิทธิพล กล่าวถึงซีเรียสเกมว่า สำหรับรูปแบบของเกมนั้นจะเป็นการเสริมสร้างระบบความคิดสร้างสรรค์ ด้านวิชาการ คุณธรรมและจริยธรรม ทักษะการดำเนินชีวิตและระบบครอบครัวให้เกิดขึ้นในตัวผู้เล่น ยกตัวอย่าง เช่น เกมส่งเสริมวิชาชีพ เล่นบทบาทเป็นหมอ พยาบาล วิศวกรเกมวางแผนต่างๆ หรือ เกมพอเพียง ที่เล่นเป็นเกษตรกรผู้หลบออกจากสังคมเมืองกลับบ้านต่าง จังหวัดเพื่อพัฒนาพื้นที่การเกษตรให้เจริญก้าวหน้า นอกจากนี้จะมีการนำเกม ที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว มาปรับเปลี่ยนโดยอาจเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น เกมเต้นที่เป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กวัยรุ่นมาปรับเปลี่ยนเครื่องแบบการแต่งกาย ใส่ชุดไทย และเปลี่ยนรูปแบบ การเต้น เป็นรำไทย เป็นต้น
ผู้ช่วย ผอ.ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีฯ สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวอีกว่า ในเมื่อภาครัฐยังไม่สามารถแยกเด็กออกจากเกมได้ ดังนั้นจึงต้องนำเอาสาระความรู้ เข้าไปอยู่ในเกมแทน ถือเป็นกุศโลบายใหม่เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้เล่นพร้อมกับความบันเทิง ที่เกมประเภทนี้เข้ามาในประเทศไทยได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่เป็นที่ นิยมมากนัก เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ในด้านการตลาดได้ หรือ อาจจะเน้นสาระมากเกินไปจนผู้ เล่นรู้สึกไม่สนุก ส่วนตัวคิดว่าซีเรียสเกมอาจไม่สามารถแก้ปัญหาเด็กติดเกมได้โดย ตรงแต่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ในด้านต่างๆให้กับ เด็กและเยาวชน
นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังแนะให้เปลี่ยนชื่อจาก Serious Game เป็น Intelligent Game (I-Game) ก่อนเพราะกลัวคนเข้าใจผิดว่าเล่นเกมนี้แล้ว จะต้องเคร่งเครียดเพราะผู้ที่ เล่นเกมต้องการผ่อนคลาย ไม่ใช่เล่นไปเครียดไปอย่างไรก็ตามจะมีการเสนอต่อที่ประชุม กระทรวงวัฒนธรรมอีกครั้ง เพื่อพิจารณาแนวทางการส่งเสริมในวงกว้างโดยเร็วที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น